“กินไม่หยุด หยุดไม่ได้ แล้วรู้สึกผิด…นี่อาจไม่ใช่แค่นิสัย แต่คือโรค BED” เปิดมุมมองใหม่ของโรคกินเกินควบคุม กับคำแนะนำจากแพทย์ มช.

1 กรกฎาคม 2568
คณะแพทยศาสตร์

โรค Binge Eating Disorder (BED) หรือโรคกินเกินควบคุม กำลังกลายเป็นปัญหาทางสุขภาพจิตที่พบมากขึ้นในคนทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น แต่กลับยังไม่เป็นที่เข้าใจในสังคมเท่าที่ควร
รศ.พญ.นลินี ยิ่งชาญกุล อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มช.
ระบุว่า BED เป็นภาวะทางจิตเวชที่ผู้ป่วยจะกินอาหารในปริมาณมากผิดปกติภายในระยะเวลาสั้น ๆ โดยไม่สามารถควบคุมได้ และมักรู้สึกผิดหรือทุกข์ใจหลังจากกิน ต่างจากการกินจุกจิกทั่วไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
“พฤติกรรมกินแบบ BED จะเกิดซ้ำ ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ต่อเนื่องกันนานกว่า 3 เดือน โดยไม่มีพฤติกรรมชดเชย เช่น อาเจียนหรือใช้ยาถ่าย”
รศ.พญ.นลินี ยิ่งชาญกุล กล่าว


ปัจจัยเสี่ยงหลากหลาย: ทั้งสมอง สิ่งแวดล้อม และจิตใจ
BED ไม่ใช่ปัญหานิสัยหรือความอ่อนแอ แต่มีปัจจัยเบื้องหลังที่ซับซ้อน ทั้งความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน ความเครียดสะสม การถูกล้อเลียนเรื่องรูปร่าง หรือเติบโตในครอบครัวที่กดดันเรื่องน้ำหนัก
กลุ่มเสี่ยงได้แก่ผู้ที่เคยลดน้ำหนักซ้ำ ๆ ผู้ที่มีประวัติภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล และผู้ที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีความคาดหวังสูงหรือขาดความอบอุ่น


อาการที่ควรเฝ้าระวัง
ผู้ป่วยมักกินเร็ว กินแม้ไม่หิว กินจนแน่นอึดอัด และมักแอบกินคนเดียวเพราะรู้สึกละอาย โดยภายหลังจะรู้สึกผิดและซึมเศร้า พฤติกรรมเหล่านี้หากเกิดซ้ำบ่อยเกินควรรีบปรึกษาแพทย์
BED ส่งผลทั้งกายและจิตใจ


ผู้ป่วยอาจเผชิญกับโรคทางกาย เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจ ร่วมกับผลกระทบทางจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้า ความรู้สึกอับอาย และความพยายามทำร้ายตนเอง
การวินิจฉัยและแนวทางรักษา
แพทย์จะวินิจฉัยโดยใช้เกณฑ์จากคู่มือ DSM-5 และพิจารณาอาการร่วม เช่น การกินมากผิดปกติ รู้สึกควบคุมไม่ได้ และมีอาการทางอารมณ์ร่วมด้วย


แนวทางการรักษา BED ประกอบด้วย:
• จิตบำบัด เช่น Cognitive Behavioral Therapy (CBT)
• การใช้ยา บางชนิด เช่น ยาต้านซึมเศร้า
• การฝึกสติและปรับพฤติกรรมการกิน
สังคมควรเข้าใจว่า BED คือ “โรค ไม่ใช่ข้อบกพร่อง”
“การล้อเลียน เช่น เรียกว่าตะกละ หมูตอน หรืออ้วน ไม่ได้ช่วยอะไร กลับยิ่งทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวด”
— รศ.พญ.นลินี กล่าว


การสร้างความเข้าใจในสังคมคือกุญแจสำคัญ ลดการตีตรา และส่งเสริมวัฒนธรรมที่เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์มากกว่ารูปร่าง
ข้อแนะนำสำหรับผู้มีอาการ BED
• ฝึกสังเกตอารมณ์ก่อนกิน
• วางแผนการกินให้มีระเบียบ
• หลีกเลี่ยงการอดอาหารหรือใช้ยาลดน้ำหนักรุนแรง
• ขอความช่วยเหลือจากแพทย์ จิตแพทย์ หรือคนใกล้ชิดที่ไว้ใจได้


ครอบครัวและเพื่อน: กำลังใจสำคัญในการเยียวยา
การรับฟังโดยไม่ตัดสิน ให้กำลังใจ และอยู่เคียงข้างคือหัวใจสำคัญของการช่วยเหลือผู้ป่วย BED
“BED ไม่ใช่แค่กินจุ แต่คือโรคที่ต้องการการดูแล หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย อย่ารอให้สายเกินไป การขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือจุดเริ่มต้นของการรักตัวเอง”


เรียบเรียง: นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#MedCMU #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #แพทย์เชียงใหม่ #แพทย์มช. #หมอสวนดอก #โรงพยาบาลสวนดอก #Medcmuในมือคุณ #สื่อสารองค์กรMedcmu #โรคBED

แกลลอรี่