สับปะรดสี ไม้ดีที่น่าปลูก EP3 : ง่ายๆ กับการขยายพันธุ์

22 มิถุนายน 2564

คณะเกษตรศาสตร์

สับปะรดสีมีวิธีการขยายพันธุ์ ได้ 2 วิธีหลักๆ คือการแยกหน่อ และการเพาะเมล็ด สำหรับการขยายพันธุ์โดยวิธีการแยกหน่อ ตามธรรมชาติสับปะรดสีหลังจากต้นนั้นออกดอกแล้วจะหยุดการเจริญเติบโตหลังจากนั้น จะมีการแตกหน่อใหม่ หากมีการปลูกเลี้ยงต่อไปโดยไม่ตัดออกจะเจริญและออกหน่อใหม่เรื่อยๆ จนแน่นกระถาง สามารถตัดแต่ละหน่อมาปลูกใหม่ได้ โดยเลือกหน่อที่มีขนาดใหญ่สามารถเลี้ยงตัวเองได้หรือเริ่มมีรากที่โคนต้นบ้างแล้ว โดยใช้มีดหรือกรรไกรตัดบริเวณใกล้ๆ กับลำต้นแม่ หากเลือกต้นที่เล็กเกินไปจะทำให้งอกช้า ชะงักการเจริญเติบโตหรือมีโอกาสตายได้ง่าย หลังจากนั้นใช้ปูนแดงหรือยากันเชื้อราทาที่บริเวณรอยตัดผึ่งไว้ในร่มให้แห้งมาดๆ จากนั้นนำไปปลูกลงในภาชนะซึ่งควรมีขนาดเล็กประมาณ 4 นิ้ว เมื่อโตขึ้นค่อยๆ ย้ายลงปลูกในกระถางที่ใหญ่ขึ้นต่อไป สำหรับวัสดุที่นิยมใช้คือกาบมะพร้าวสับที่ผ่านการแช่แล้ว หรือกระเช้าสีดา ส่วนวิธีการปลูกควร กดวัสดุปลูกให้ค่อนข้างแน่น รดน้ำให้ชุ่มเก็บไว้ในที่ร่มมีแสงแดดประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ประมาณ 1 – 2 เดือนจะมีรากงอกขึ้นมาใหม่และสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ สำหรับการแยกหน่อ สกุลทิลแอนเซียนั้น สามารถทำได้โดยการเตรียมต้นที่ต้องการแยกหน่อ ควรเลือกต้นที่มีขนาดโตเท่ากับครึ่งหนึ่งของต้นแม่ วิธีการโดยใช้มือบิดโคนต้นให้แยกออกจากกัน ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรตัดเพราะจะทำให้แผลช้ำ และเน่าในภายหลัง แล้วนำไปผึ่งลมให้รอยแผลแห้งและทาปูนแดงที่รอยแผล นำไปวางเรียงในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เช่น วางไว้บนตะแกรงโปร่งหรือแขวนไว้บนลวดแขวนในที่มีแดดในช่วงเช้า

สับปะรดสีเป็นพืชที่มีดอกสมบูรณ์เพศดังนั้นจึงมีโอกาสติดเมล็ดได้ง่าย การขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเมล็ด สำหรับเมล็ดของพืชกลุ่มนี้มี 2 แบบคือกลุ่มที่มีเมล็ดผิวเรียบ เช่นสกุล Aechmea ,Billbergia,Cryptanthus,dyckia และ Neoregelia และกลุ่มที่เมล็ดมีขนเรียกว่าแพปพัส ได้แก่สกุล Tillansia และVriesea ซึ่งแต่ละกลุ่มมีวิธีเพาะเมล็ดต่างกันดังนี้ วิธีเพาะเมล็ดผิวเรียบ นำกล่องพลาสติกใส ที่มีฝาปิด มาเจาะรูประมาณ 5 – 6 รู ใส่พีทมอส ลงไปก้นกล่องให้หนาประมาณ 2.5 เซนติเมตรเกลี่ยให้เรียบเสมอกัน โรยเมล็ดลงไปในกล่องให้ห่างกัน 1 – 2 เซนติเมตรจนเต็มกล่อง วางกล่องพลาสติกลงในถาดที่ใส่สารละลายป้องกันเชื้อรา พีทมอสจะค่อยๆดูดซับน้ำยาจนชุ่ม หลังจากนั้นยกกล่องออกปล่อยให้น้ำส่วนเกินไหลออก ปิดฝากล่องให้สนิท นำกล่องไปวางในที่มีแสงแดดส่อง 50 เปอร์เซ็นต์หมั่นตรวจดูวัสดุปลูกให้ชื้นอยู่เสมอ ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์เมล็ดจะเริ่มงอก เมื่อต้นเริ่มโตมีใบจริง 3 – 4 ใบฉีดพ่นปุ๋ยเกล็ดเจือจางและสารป้องกันเชื้อราบ้าง เมื่อต้นใหญ่ขึ้นก็แยกย้ายไปปลูกใหม่ต่อไป เมล็ดมักจะมีเนื้อนุ่มและเมือกห่อหุ้มควรนำมาล้างให้สะอาดก่อนเพาะและควรเพาะทันทีจะทำให้เปอร์เซ็นต์ความงอกสูง หากยังไม่ได้เพาะควรเก็บในร่มให้แห้ง ใส่ซองกระดาษและถุงพลาสติกในตู้เย็นช่องใส่ผัก จะช่วยยืดอายุของเมล็ดได้ สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราที่ใช้กับสับปะรดสีทุกสกุลไม่ควรมีส่วนผสมของคอปเปอร์ เพราะจะทำให้เมล็ดและต้นกล้าเน่าตายได้ ที่นิยมใช้คือ ออร์โธไซด์และเมทาแล็กซิล สำหรับวิธีเพาะเมล็ดที่มีขน ให้หั่นรากเฟินชายผ้าสีดาเป็นแผ่น หนาประมาณ 2.5 เซนติเมตร วางบนตะแกรงโปร่งที่มีแสงแดด 50 เปอร์เซ็นต์ แกะฝักแก่ที่เริ่มแตกออก นำเมล็ดไปวางเรียงบนแผ่นวัสดุเพาะ เกลี่ยเมล็ดให้กระจายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้รวมกันเป็นกลุ่มแน่น รดน้ำที่มีสารป้องกันและกำจัดเชื้อราเจือจางลงบนวัสดุเพาะเบาๆ อย่าให้เมล็ดฟุ้งกระจาย ประมาณ 2 – 3 เดือนเมล็ดจะเริ่มงอกเป็นต้นสีเขียวเล็กๆ หมั่นรดน้ำให้สม่ำเสมอ เมื่อต้นโตพอค่อยแยกปลูกต่อไป เมล็ดทิลแอนเซียเมื่อแก่จะปลิวไปตามลมควรเตรียมถุงสวมไว้ก่อนที่ฝักจะแตก อาจนำตาข่ายไนล่อน หรือมุ้งลวด หรือกระสอบป่านมาใช้เป็นวัสดุเพาะ โดยนำมาขึงไว้บนปากกระถางที่ไม่มีรูระบายน้ำ จากนั้นโรยเมล็ดลงไปบนตาข่าย หมั่นรดน้ำให้เสมอ หลังจากเมล็ดงอกแล้ว อาจนานกว่า 2 ปี จะได้ต้นที่สมบูรณ์


อ.นิรัช ก้อนใจ นักวิทยาศาสตร์เกษตร
หัวหน้าหน่วยรับปรับปรุงภูมิทัศน์ ศูนย์บริการวิชาการฯ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

แกลลอรี่