ศิษย์เก่าสื่อสารฯ มช. รับรางวัลบทละครโทรทัศน์ดีเด่นจากกระทรวงวัฒนธรรม

2 กรกฎาคม 2562

คณะการสื่อสารมวลชน

     คณะการสื่อสารมวชน ขอชื่นชมและแสดงความยินดีกับคุณปฏิญญา ปุญญ์ศรัทธา(คงเขียว) หรือคุณอ๋อ ปุญญ์ศรัทธา ศิษย์เก่าสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้รับรางวัลบทละครโทรทัศน์ดีเด่น จากการประกวดบทภาพยนตร์และบทละครโทรทัศน์ ส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ของกระทรวงวัฒนธรรม ปัจจุบันคุณอ๋อเป็นนักเขียนบทละครโทรทัศน์อยู่ที่บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

     ข้อความจากคุณปุญญ์ศรัทธา เล่าถึงเรื่องราวของการเป็นนักเขียนบทละคร
     “ร้างราจากงานประกวดมากว่า 20 ปี เส้นทางนักเขียนบทนั้น เริ่มต้นจากการรักการอ่าน โดยเฉพาะหนังสือวรรณคดีไทยและวรรณกรรมเยาวชน จนเกิดอยากสร้างสรรค์งานของตัวเอง สมัยนั้นตอนม.ปลายก็ล่ารางวัลครั้งแรกจากงานประกวดเรียงความ “ความสัมพันธ์ไทยเกาหลี” ของสถานทูตเกาหลีและอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนนั้นหยิบพระราชนิพนธ์ เรื่อง แกะรอยโสม มาอ่านแล้วหาข้อมูลเขียนถึงเกี่ยวกับประเทศเกาหลีเทียบกับประเทศไทยในรอบด้าน สมัยนั้นคนยังไม่บ้าเกาหลีเลยแต่เราบ้าไปก่อนแล้ว เพราะหนังสือของพระองค์ ทำให้เปิดโลกกว้างและสนุกสนานไปกับตัวหนังสือที่ทรงเล่า การประกวดครั้งนั้น ทำให้ได้คว้ารางวัลที่ 2 ต้องเข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรกในชีวิตเพื่อมารับรางวัล จากครั้งนั้นก็ทำให้เรารักการเขียนยิ่งขึ้น และตัดสินใจอยากเดินทางสายนี้ จากเด็กสายวิทย์ ย้ายมาสายศิลป์ พุ่งเป้าจนสอบเอ็นท์ติดคณะมนุษยศาสตร์ สื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นครั้งแรกที่ต้องมาอยู่ไกลบ้าน อยู่ตามลำพัง เรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเอง

     ครั้งต่อมาก็เข้าประกวดเขียนบทละครเวที รางวัลสดใส อวอร์ด ครั้งที่ 3 ในปี 1996 จากเด็กบ้านนอก เด็กปี 1 ที่ไม่รู้จักหน้าตาของบทละครเวทีเลย แต่ก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวเพราะตอนนั้นกำลังอินเรื่องไพ่ซิปซี เลยเขียนละครเวทีที่ใช้ไพ่เป็นการเล่าเรื่อง “กงล้อชะตากรรม” เขียนในคืนที่ปิดเทอม 1 ทุกคนกลับบ้านกันหมด เหลือเราที่อยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัยอยู่คนเดียว ไม่ได้กลับบ้านเพราะไม่มีเงินเดินทาง จึงใช้โอกาสนั้นเขียนบทขึ้นภายใน 1คืน แล้วไปขอใช้เครื่องพิมพ์ดีดจากบ้านร่มไทร ช่วยกันพิมพ์จนเป็นเล่มส่งสำเร็จ บทที่ไม่เคยรู้เทคนิคเล่าเรื่อง เทคนิคการเขียนบทละครเวทีเลย สิ่งที่มีอยู่มีเพียงแค่หัวใจเท่านั้น และการเขียนนั้นก็ทำให้ผ่านเข้ารอบ และต้องทำละครเวทีไปประกวด ได้เริ่มต้นหน้าที่เป็นผู้กำกับ และฝ่ายต่าง ๆ ในตัวคนเดียว โดยมีพี่ ๆ เพื่อน ๆ (พี่จา/พี่ขวัญ/พี่ลุพธ์/พี่บอล/ต้อง/ร่ม/เอ๋/แอน) จากชมรมการแสดงมาร่วมแสดงจนกลายเป็นละครเวทีเรื่องหนึ่ง เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้งในชีวิต ทำการประกวดในวันที่ 5 ธันวาคม ที่โรงละครกรุงเทพ ถึงขนาดไปซ้อมละครเวทีกลางทุ่งนา และงานนั้นก็ทำให้ได้ 2 รางวัล คือ บทละครดีเด่น และนำเสนอยอดเยี่ยม

     ความรักทางสายละครจึงเริ่มเปิดจากคนที่ขี้อายไม่กล้าแสดงออกก็เริ่มรักงานด้านนี้ ได้เรียนรู้วิชาด้านละครจาก อ.ดร.จิรพร วิทยศักดิ์พันธุ์ ที่เป็นแม่แบบ เป็นทั้งอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์สอนวิชาละคร และอาจารย์ชมรม เรียกได้ว่าเจอหน้ากันทุกกัน ได้รับวิชามาครบถ้วน ไม่ว่าจะการแสดง การกำกับละครเวที และที่สำคัญก็คือการตีความบท แต่การเขียนบทละครก็ไม่ได้มีรายวิชาที่เรียนเป็นชิ้นอัน มีเพียงวิชาเขียนบทรายการโทรทัศน์เท่านั้น จนถึงวันที่ได้มาฝึกงานที่กันตนา จึงทำให้ได้เห็นบทละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในชีวิต ยิ่งอ่านก็ยิ่งทำให้สนุก ทำให้ยิ่งอยากทำงานละครมากขึ้น ได้เข้าทำงานที่กันตนาในตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับ และได้โอกาสจากคุณแม่สมสุข กัลย์จาฤก ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงประเภทภาพยนตร์และละคร ปีนี้ ให้ได้เป็นนักเขียนบทละครโทรทัศน์เต็มตัวครั้งแรก จากบทละครชุดซีรีซี่ไรท์ เรื่อง ครอบครัวกลางถนน จากนั้นก็ได้เรียนรู้ด้วยการเป็นครูพักลักจำจากบทนักเขียนชั้นครูหลายท่าน และได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่เล็ก พี่กลิ้ง พี่ลิตา พี่อ่อน ที่มาช่วยเคี่ยวเข็ญจนงานบทละครโทรทัศน์ออกมาจนเป็นละครได้สมบูรณ์ จนมีการท้าทายครั้งใหม่ การประกวดบทละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในชีวิต

     การประกวดครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่กดดันมากเพราะเราทำอาชีพนักเขียนบทละครอยู่ แต่เราไม่เคยได้เรียนเขียนบทจริง ๆ จัง ๆ เลยสักครั้ง เราเขียนบทจากการอ่านบทและการปฏิบัติ ไม่ได้มีหลักการหรือทฤษฏีใดใดมาจับเลย แต่โชคดีที่ทางกระทรวงได้ร่วมกับสมาคมนักเขียนบทละครโทรทัศน์มีจัดอบรม โดยมีพี่อ้นและกอล์ฟเป็นผู้สอนก็ทำให้เข้าใจทฤษฏีมากขึ้น และทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราทำทั้งหมดตลอด 20 ปี มันมีพร้อมหมดแล้ว แค่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น และได้พี่ชุนมาเป็นเมนเทอร์คอยช่วยให้คำแนะนำก็ทำให้สิ่งที่เรากังวลใจหายไป และทำให้เรามั่นใจยิ่งขึ้น

     ตราบธุลีดิน เป็นละครที่อยากทำมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสทำ นำมาจากตำนานพระนางกาไว ตั้งแต่สมัยพันกว่าปี สมัยสร้างเมืองควนคราบุรีหรือเมืองเพนียด พูดถึงการเรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ของจันทบุรีและชาวชอง ชนเผ่าโบราณคนพื้นเมืองเดิมที่มีอยู่ก่อนที่จะมีผืนแผ่นดินไทยผ่านละคร การชิงอำนาจของสตรีที่ต้องการเป็นใหญ่ในแผ่นดินเหนือผู้ชายจนเกือบทำให้เมืองล่ม แต่ในปัจจุบันชาวชองเหลือเพียงไม่กี่พันคน และกำลังถูกกลืนวัฒนธรรมไป ถึงแม้จะไม่มีเมืองควนคราบุรีแล้ว แต่ผืนดินนี้ก็คือบ้านเกิด เขาก็คือคนไทย... ไทยเกิดจากกลุ่มคนที่หลากเชื้อชาติ ไม่ว่าเชื้อชาติไหน จะคนชอง คนไทย คนจีน ญวน มอญ หรือฝรั่ง ทุกคนต่างเป็นคนไทย อาศัยอยู่ผืนแผ่นดินไทย เราทุกคนต่างก็มีหน้าที่ปกปรักรักษาแผ่นดินนี้”

     ขอบคุณข้อมูลและภาพจากคุณอ๋อ ปุญญ์ศรัทธา

     สื่อสาร สร้างสรรค์ แบ่งปัน
     WE Communicate, WE Create, WE Share

แกลลอรี่