“เซรั่มจากสารสกัดถั่วแระญี่ปุ่น” นวัตกรรมใหม่ ช่วยชะลอวัยและดูแลผิว จากนักวิจัย มช.

2 ธันวาคม 2568
ศูนย์สื่อสารองค์กรและนักศึกษาเก่าสัมพันธ์

นักวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประสบผลสำเร็จคิดค้น “เซรั่มจากสารสกัดถั่วแระญี่ปุ่น” นวัตกรรมชะลอวัย ลดรอยหมองคล้ำ จุดด่างดำและบำรุงผิว เปลี่ยน ‘ของเหลือทิ้ง’ ให้เป็น ‘สารสกัดธรรมชาติคุณภาพสูง’ ที่ปลอดภัย โดยนำถั่วแระตกเกรด มาสกัดด้วยเทคโนโลยีสีเขียวจากการใช้ ‘คลื่นเสียงความถี่สูง’ ในน้ำ ซึ่งไม่ใช้สารเคมีในกระบวนการ

“เซรั่มจากสารสกัดถั่วแระญี่ปุ่น” เป็นผลงานการคิดค้นของ รองศาสตราจารย์ ดร. จุฬาลักษณ์ เขมาชีวะกุล คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
จุดเริ่มต้นของนวัตกรรมนี้มาจากการมองเห็น “คุณค่าที่ซ่อนอยู่” ในถั่วแระญี่ปุ่น ที่ไม่ผ่านการคัดเกรดในการส่งออกซึ่งกลายเป็นของเหลือทิ้ง เนื่องจากมองเห็นว่า ถั่วแระญี่ปุ่น ซึ่งเป็นถั่วเหลืองฝักสดที่ยังไม่สุกเต็มที่ อุดมไปด้วยสารกลุ่ม "โพรไซยานิดินส์" (Procyanidins) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส สาเหตุของความหมองคล้ำและริ้วรอยแห่งวัย จึงนำมาสู่การพัฒนาสารสกัดเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

จุดเด่นของนวัตกรรมเซรั่มนี้ คือ ใช้วิธีสกัดที่เรียกว่า ‘คลื่นเสียงความถี่สูง’ และใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย ข้อดีคือไม่ต้องใช้ความร้อนสูง ไม่ใช้สารเคมี และใช้เวลาเพียงประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ก็สามารถดึงสารสำคัญออกมาได้ในปริมาณที่สูงมาก

โดยสารเป้าหมายคือกลุ่ม ‘โพรไซยานิดินส์’ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติที่ดีต่อผิว จากการทดลองพบว่าสามารถสกัดสารได้ในระดับความเข้มข้นสูง และเมื่อนำมาทดสอบฤทธิ์การทำงาน พบว่าสารสกัดความเข้มข้น 6.85 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร สามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสได้ถึง 50% ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้เป็นตัวการสำคัญที่นำมาซึ่งการเกิดผิวหมองคล้ำและเกิดจุดด่างดำ
นอกจากนี้ ยังพบว่าสารสกัดที่ได้ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังชนิดไฟโบรบลาสต์ได้ดี มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเครื่องสำอางชะลอวัย ลดเลือนรอยคล้ำ หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์รักษาแผลในอนาคต

เมื่อนำสารสกัดโพรไซยานิดินส์ไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เซรั่ม พบว่าทั้งปริมาณสารออกฤทธิ์และความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระมีความคงตัวดี แม้เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพในการนำไปต่อยอด

นอกจากนี้ ผลการทดสอบผลิตภัณฑ์เซรั่มพบว่าผู้ใช้มีความพึงพอใจอยู่ในระดับที่สูง ทั้งในด้านของความรู้สึกต่อเนื้อเซรั่ม การซึมสู่ผิว และความพึงพอใจโดยรวม
จะเห็นว่านอกจากผลลัพธ์ด้านสุขภาพผิวแล้ว งานวิจัยนี้ยังมีประโยชน์ต่อระบบการผลิตถั่วแระญี่ปุ่นทั้งห่วงโซ่ เพราะเป็นการนำถั่วแระญี่ปุ่นตกเกรดมาเพิ่มมูลค่า ช่วยลดต้นทุนการเก็บในห้องเย็น และยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้นำข้อมูลไปต่อยอดทำเป็นผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ได้จริง

ในการต่อยอดในอนาคต มุ่งให้มีการขยายพื้นที่ในการปลูกไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น เชียงราย แพร่ และลำพูน เพื่อให้เกษตรกรท้องถิ่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์มากขึ้น ยกระดับรายได้ของเกษตรกรจากถั่วแระญี่ปุ่นตกเกรดที่เคยขายได้เพียงไม่กี่บาทต่อกิโลกรัม และสามารถต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ครีม โลชั่น มาส์กหน้า รวมถึงสารสกัดในรูปแบบ Functional Ingredients สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง

“เซรั่มจากสารสกัดถั่วแระญี่ปุ่น” เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มวัตถุดิบในประเทศ ช่วยลดการนำเข้า และยังสอดคล้องกับ BCG Model ที่เน้นเศรษฐกิจชีวภาพ หมุนเวียน สีเขียว ที่เปลี่ยน ‘ของเหลือทิ้ง’ ให้กลายเป็น ‘สารสกัดธรรมชาติคุณภาพสูง’ ที่ปลอดภัย มีงานวิจัยรองรับ และนับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการสร้างทางเลือกผลิตภัณฑ์ในการดูแลสุขภาพผิวที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย และตอบโจทย์ตลาดเครื่องสำอางที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรท้องถิ่น เพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตทางการเกษตรของท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
............................................................................
ข่าว : ศูนย์สื่อสารองค์กรและนักศึกษาเก่าสัมพันธ์ มช. (CCARC)

ข้อมูลโดย : ศูนย์สื่อสารองค์กรและนักศึกษาเก่าสัมพันธ์ มช. (CCARC)

แกลลอรี่